ชื่อเสียงโด่งดังขจรไกลต้องตีระฆังที่ วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจึงพาไปนมัสการหลวงพ่อโตเสริมสิริมงคลและไปร่วมตีระฆังกันที่วัดระฆังโฆสิตารามกัน เราเดินทางมาจากตลาดวังหลังโดยเดินทะลุไปหลังตลาดทางที่ติดริมแม่น้ำ จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวหลงเพราะเส้นทางที่เดินจะเป็นทางตรงเป็นการบังคับเส้นทางเราไปในตัว จากนั้นประมาณ 50 เมตร ใช้เวลาเดิน 5 – 10 นาที เราก็จะถึงยังวัดระฆังโฆสิตาราม ทำบุญไหว้พระ นมัสการ หลวงพ่อโต เสริมสิริมงคล วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร เมื่อไปถึงวัดระฆังโฆสิตารามเราก็เริ่มจากการไปนมัสการที่จุดแรกคือที่โบสถ์กันก่อน ขวามือทางเข้าโบสถ์จะเป็นจุดขายดอกไม้ธูปเทียนจากนั้นทางซ้ายมือจะเป็นสถานที่ที่ทางวัดให้นั่งสวดพระคาถาชินบัญชร ซึ่งก็มีพระคาถาชินบัญชรเป็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดไว้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มานมัสการพระที่นี่กัน และเป็นจุดที่ให้เราร่วมนมัสการพระประธานภายในตัวโบสถ์ สำหรับพระประธานภายในตัวโบสถ์วัดระฆังโฆสิตารามคือพระประธานยิ้มรับฟ้า จากนั้นหน้าสถานที่ที่ทางวัดเตรียมไว้ก็เป็นกระถางธูปสำหรับปักธูป และที่วางดอกไม้ ส่วนทางขวามือที่อยู่ตรงข้ามกับสถานที่ที่ทางวัดเตรียมไว้สำหรับนั่งสวดพระคาถาชินบัญชรเป็นบริเวณเติมน้ำมันตะเกียง ความพิเศษของน้ำมันตะเกียงของที่วัดระฆังโฆสิตารามนี้คือทางวัดจัดเตรียมเป็นน้ำมันมะพร้าวเพื่อให้เราได้เติมซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางหนึ่งด้วย เมื่อเราเติมน้ำมันตะเกียงเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปเล็กน้อยจะมีระฆังแขวนเรียงรายพร้อมกับผู้คนที่ต่อคิวเพื่อตีระฆังพร้อมกับการอธิษฐานในสิ่งที่หวังให้สมดั่งปรารถนา ถัดไปจากบริเวณที่มีระฆังแขวนเรียงรายจะเป็นบริเวณสำหรับถวายสังฆทาน ส่วนของชุดสังฆทานเพื่อนๆ สามารถมาซื้อกันได้ ณ จุดนี้หรือเพื่อนๆ จะจัดเตรียมกันมาเองก็ได้
วัดโลกโมฬี วัดเก่าแก่ อายุกว่า 400 ปี ใกล้คูเมืองเชียงใหม่
สำหรับบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับศิลปะล้านนา สุดวิจิตรงดงามผ่านโบราณสถานและสถาปัตยกรรมภายในวัด และวัดที่เราจะไปทุกท่านไปนมัสการเที่ยวชมความวิจิตรงดงามดังกล่าวเป็นวัดที่มีอายุกว่า 400 ปี วัดดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2070 เมื่อมาถึงปีนี้คือ ปี พ.ศ.2564 วัดดังกล่าวก็มีอายุร่วม 494 ปี (แม้ว่าจะมีบางช่วงที่วัดถูกทิ้งร้าง แต่ภายหลังก็มีการบูรณะคงไว้ซึ่งความวิจิตรตามแบบฉบับล้านนาดั้งเดิมของการออกวัดแห่งนี้) วัดที่เรากล่าวถึงก็คือ วัดโลกโมฬี วัดที่ตั้งอยู่เลยจากคูเมืองเชียงใหม่ิไปเล็กน้อย ทำความรู้จัก วัดโลกโมฬี วัดเก่าแก่ คู่เมืองเชียงใหม่ โดยวัดโลกโมฬีตั้งอยู่บนถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทุกท่านสามารถเดินทางมาด้วยรถสองแถวสีแดงสัญลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของจังหวัดเชียงใหม่ แล้วบอกจุดหมายปลายทางเป็นวัดโลกโมฬีนี้ได้เลย หรือ หากเพื่อนๆ มาด้วยรถยนต์ส่วนตัวทางวัดโลกโมฬีก็มีที่จอดรถซึ่งเป็นพื้นโรยกรวดคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย (ส่วนนี้หากท่านใดมีวีลแชร์สามารถขออนุญาติทางวัดไปจอดส่งวีลแชร์บริเวณพื้นปูนที่เรียบกว่าก่อนได้ เพราะในส่วนที่จอดรถที่โรยกรวดนี้จะเข็นยากสักหน่อย) ถัดมาเมื่อเราเข้ามาภายในวัดจะพบกับวิหารหลวงวัดโลกโมฬีซึ่งเป็นวิหารไม้สักที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดั้งเดิมมีการใช้กระจกสีต่างๆ มาประดับยังวิหารแห่งนี้ซึ่งสร้างความวิจิตรอย่างยิ่งเนื่องด้วยวิหารดังกล่าวมีพื้นเป็นสีดำการตกแต่งด้วยกระจกสีต่างๆ จึงเพิ่มความวิจิตรตระการตาให้แก่วิหารเพิ่มเข้าไปอีก ส่วนพระประธานที่ประดิษฐานประจำวิหารแห่งนี้คือพระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ ซึ่งในองค์พรุพุทธรูปนี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี นอกจากนี้วัดโลกโมฬีแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของพุทธรูปพระนางจิระประภามหาเทวี