ในปี 2023 นับว่าเป็นปีแห่งความรุ่งเรืองของสายมู หรือ สายมูเตลู เป็นอย่างมาก เช่นเดียวกันกับการเดินทางไปไหว้ขอพรองค์เทพต่างๆ เพื่อรับพรสมปรารถนา สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนไปทัวร์ “อุทยานพระฤาษีนารอด” ที่ได้ขึ้นชื่อเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบของอุทยานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากจะเป็นสถานที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้คนที่มีความเลื่อมใสศรัทธาไปสักการะบูชาในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถ่ายรูปออกมาได้เก๋อีกเช่นเดียวกัน เพราะมีรูปปั้นพระฤาษีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเด่นในเรื่องการขอพรและมนต์คาถาต่างๆที่ทำให้มีลูกศิษย์หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศของประเทศไทย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอุทยานที่นี้จะเป็นอย่างไร และมีข้อมูลที่น่าสนใจขนาดไหน ไปชมกันค่ะ พาชม “อุทยานพระฤาษีนารอด” อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจในจังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า “อุทยานพระฤาษีนารอด” ได้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นอุทยานโดยมีพระฤาษีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองโอ่ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกจิชื่อดัง สายมูเตลู ซึ่งจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรีในปี 2023 โดยมีพระฤาษีนารอด ที่มีขนาดหน้าตัก 13 เมตร สูง 18 เมตร
เที่ยวอัมพวา เยือนบ้านเกิดของครูเอื้อ สุนทรสนาน จังหวัดสมุทรสงคราม
มาถึงที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่แต่เอาใจวัยรุ่นอย่างมากนั่นก็คือ เที่ยวอัมพวา สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากซึมซับบรรยากาศสมัยก่อน ณ จังหวัดสมุทรสงคราม ถ้าพูดถึงจังหวัดสมุทรสงครามแล้วหลายคนจะรู้จักตลาดที่มีรถไฟผ่านแล้วจะเกิดปรากฏการณ์ร่มหุบ เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศเป็นอย่างดี นั้นคือตลาดร่มหุบ และถ้าถัดมาอีกสักนิดก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดของจังหวัดสมุทรสงครามเลยทีเดียวคือ อัมพวาหรือตลาดน้ำอัมพวานั้นเอง ตลาดน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิกตามวิถีชีวิต กลิ่นอายของความเก่าของการใช้ชีวิตแบบสมัยก่อนที่ผู้คนต้องยังพึ่งพาแม่น้ำในการดำรงชีวิตเพราะในสมัยก่อนที่ตลาดเก่าแก่อัมพวาแห่งนี้การคมนาคมยังไม่ดีเท่ากับการตอนนี้เพราะฉะนั้นแม่น้ำจึงเป็นเหมือนหัวใจหลักของการใช้ชีวิตของคนอัมพวาเลยก็ว่าได้ เที่ยวอัมพวา ที่เที่ยวติดอันดับ จังหวัดสมุทรสงคราม เที่ยวอัมพวา ที่แรกที่ห้ามพลาดเลยคือในตลาดอัมพวา จะมีข้าวของที่ยังเป็นของเก่าแก่แต่ยังสามารถใช้ได้อยู่ในยุคปัจจุบัน เช่น หมวกกะโล่ เป็นหมวกที่เราเห็นครั้งแรกก็สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นการออกแบบแบบจีน หรือได้รับอิทธิพลจากประเทศจีน คนอัมพวาสมัยก่อนเวลาจะพายเรือในเวลาร้อนๆ ก็จะใช้หมวกกะโล่นี่แหละเป็นเสมือนอาวุธในการหลบแดดได้เป็นอย่างดี เที่ยวอัมพวาตลาดน้ำอัมพวาแห่งนี้นี่เองก็จะมีร้านขายหมวกกะโล่ ซึ่งเป็นหมวกในสมัยก่อนๆ ถ้ามาร้านหนึ่งจะเป็นคุณยายอยู่ท่านเดียวและเป็นคนเดียวที่สามารถทำหมวกกะโล่ออกมาได้สวยงามมาก สามารถสั่งซื้อได้ในราคา2,000 บาท ถัดมาสักนิดจะเป็นร้านขายตะกร้าแต่วัสดุที่ทำตะกร้านั้นทำจากใบมะพร้าวสีเขียวสดราคา 300บาท และหมวกที่ทำจากใบมะพร้าวด้วยเช่นกันราคา 250 บาท อีกหนึ่งเที่ยวอัมพวา ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือการ นั่งเรือเที่ยวอัมพวาในคลองอัมพวานั้นเอง แนะนำว่าให้ไปช่วงตอนเย็นๆ ผู้คนจะครึกครื้นมาก จะพายรอบๆ
เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว สวยงามและยิ่งใหญ่ @สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย
เริ่มต้นการเดินทางออกไปท่องเที่ยวอีกครั้งที่จังหวัดเชียงราย โดยการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงรายนอกจากที่สิงห์ปาร์คจะเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามของดอกไม้ ต้นไม้ นานาชนิดจำนวนมากแล้ว ในช่วงฤดูหนาวยังได้มีการประดับตกแต่งไฟ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับนักท่องเที่ยวได้เดินทางมาถ่ายรูปกับไฟประดับที่มีความสวยงาม และมีความยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน ซึ่งการจัดงานเทศกาลไฟประดับที่สิงห์ปาร์คได้เริ่มจัดงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมีระยะเวลาในการจัดงานที่ยาวนานพอสมควร ทำให้นักท่องเที่ยวได้ทยอยเดินทางมาถ่ายรูปกับไฟประดับในฤดูหนาวได้อย่างต่อเนื่อง เวลาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมและถ่ายรูปกับไฟประดับ เริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 น. จนถึงเวลา 22:00 น. ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ทางสิงห์ปาร์คได้ทุ่มทุนทั้ง แสง สี และเสียงอย่างยิ่งใหญ่ ท่องเที่ยว เทศกาลประดับไฟฤดูหนาว สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย เทศกาลประดับไฟฤดูหนาวที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย
ที่เที่ยวสวยที่สุดในไทย คัดเลือกมารวมไว้ตรงนี้ ให้ทุกท่านแล้ว !
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยมีอยู่จำนวนมากมายหลากหลายจังหวัด มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สถานที่สำหรับช้อปปิ้ง ตลาดน้ำหรือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่ในวันนี้เราได้คัดเลือก ที่เที่ยวสวยที่สุดในไทย ที่มีความสวยงามและเป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการที่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติได้โดยตรง และมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากที่สุดมาให้เพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นตัวเลือกในการจัดทริปเดินทางท่องเที่ยวในครั้งต่อ ๆ ไป แนะนำ 4 ที่เที่ยวสวยที่สุดในไทย เชียงคาน จังหวัดเลย ถือว่าเป็นที่เที่ยวสวยที่สุดในไทย ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะที่เชียงคานเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมโบราณ จึงทำให้ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา ความธรรมดาของเชียงคานที่เป็นเพียงตลาดตรอกซอยเล็ก ๆ แต่ความไม่ธรรมดาของเชียงคานคือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในรูปแบบถนนคนเดินที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง จึงทำให้บรรยากาศในการเดินช้อปปิ้งมีความสบาย ได้รับความเย็นจากไอน้ำริมแม่น้ำโขง นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาช้อปปิ้งที่เชียงคานจังหวัดเลยอย่างไม่ขาดสาย ตึกชิโนโปตุกีส จังหวัดภูเก็ต ที่เที่ยวสวยที่สุดในไทยที่มีความโดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต โดยตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าภูเก็ต มีความโดดเด่นในเรื่องของตึกแถวในบริเวณนั้น เพราะมีความสวยงามคล้าย ๆ กับตึกชิโนโปรตุกีส ชาวบ้านแถวนั้น และนักท่องเที่ยวจึงได้ตั้งชื่อว่าตึกชิโนโปรตุกีสขึ้นมา เพื่อให้เป็นสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร เสริมสิริมงคล ให้ชื่อเสียงโด่งดัง ขจรไกล
ชื่อเสียงโด่งดังขจรไกลต้องตีระฆังที่ วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินประโยคนี้กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจึงพาไปนมัสการหลวงพ่อโตเสริมสิริมงคลและไปร่วมตีระฆังกันที่วัดระฆังโฆสิตารามกัน เราเดินทางมาจากตลาดวังหลังโดยเดินทะลุไปหลังตลาดทางที่ติดริมแม่น้ำ จากนั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวหลงเพราะเส้นทางที่เดินจะเป็นทางตรงเป็นการบังคับเส้นทางเราไปในตัว จากนั้นประมาณ 50 เมตร ใช้เวลาเดิน 5 – 10 นาที เราก็จะถึงยังวัดระฆังโฆสิตาราม ทำบุญไหว้พระ นมัสการ หลวงพ่อโต เสริมสิริมงคล วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร เมื่อไปถึงวัดระฆังโฆสิตารามเราก็เริ่มจากการไปนมัสการที่จุดแรกคือที่โบสถ์กันก่อน ขวามือทางเข้าโบสถ์จะเป็นจุดขายดอกไม้ธูปเทียนจากนั้นทางซ้ายมือจะเป็นสถานที่ที่ทางวัดให้นั่งสวดพระคาถาชินบัญชร ซึ่งก็มีพระคาถาชินบัญชรเป็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดไว้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มานมัสการพระที่นี่กัน และเป็นจุดที่ให้เราร่วมนมัสการพระประธานภายในตัวโบสถ์ สำหรับพระประธานภายในตัวโบสถ์วัดระฆังโฆสิตารามคือพระประธานยิ้มรับฟ้า จากนั้นหน้าสถานที่ที่ทางวัดเตรียมไว้ก็เป็นกระถางธูปสำหรับปักธูป และที่วางดอกไม้ ส่วนทางขวามือที่อยู่ตรงข้ามกับสถานที่ที่ทางวัดเตรียมไว้สำหรับนั่งสวดพระคาถาชินบัญชรเป็นบริเวณเติมน้ำมันตะเกียง ความพิเศษของน้ำมันตะเกียงของที่วัดระฆังโฆสิตารามนี้คือทางวัดจัดเตรียมเป็นน้ำมันมะพร้าวเพื่อให้เราได้เติมซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางหนึ่งด้วย เมื่อเราเติมน้ำมันตะเกียงเสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปเล็กน้อยจะมีระฆังแขวนเรียงรายพร้อมกับผู้คนที่ต่อคิวเพื่อตีระฆังพร้อมกับการอธิษฐานในสิ่งที่หวังให้สมดั่งปรารถนา ถัดไปจากบริเวณที่มีระฆังแขวนเรียงรายจะเป็นบริเวณสำหรับถวายสังฆทาน ส่วนของชุดสังฆทานเพื่อนๆ สามารถมาซื้อกันได้ ณ จุดนี้หรือเพื่อนๆ จะจัดเตรียมกันมาเองก็ได้
เที่ยวน้ำพุต้มไข่ไปกับ น้ำพุร้อนสันกำแพง น้ำพุร้อนชื่อดังประจำจังหวัดเชียงใหม่
วันนี้เราขึ้นเหนือกันไปไกลถึงจังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางไปยังแม่ออน เพื่อไปเที่ยวยัง น้ำพุร้อนสันกำแพง น้ำพุร้อนชื่อดังประจำจังหวัดเชียงใหม่ เราสามารถเดินทางมายังน้ำพุร้อนสันกำแพงแห่งนี้ได้โดยการใช้รถยนต์ส่วนตัว จากนั้นเราก็เคลื่อนรถยนต์มาจอดยังหน้าน้ำพุร้อนสันกำแพงเพื่อซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปด้านใน ส่วนนี้ก็มีทั้งบัตรผ่านประตูของรถยนต์ที่มีราคาที่ 40 บาท, ค่าบัตรผ่านประตูผู้ใหญ่มีราคาอยู่ที่ 40 บาท น้ำพุร้อนสันกำแพง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จังหวัดเชียงใหม่ ค่าบัตรผ่านประตูเด็กและผู้สูงอายุ 60 ปีขึนไป มีราคาอยู่ที่ 20 บาท น้ำพุร้อนสันกำแพงแห่งนี้มีทั้งการท่องเที่ยวแบบค้างคืนและการท่องเที่ยวแบบกลับวัน สำหรับการท่องเที่ยวแบบค้างคืนก็มีทั้งแบบกางเต้นท์ซึ่งหากมาเช่าเต้นท์และเครื่องนอนจากที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายที่ 350 – 500 บาท ส่วนท่านใดที่นำเต้นท์มาเองก็มีค่าใช้จ่ายที่ 50 บาท สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่ไม่ใช่สายนอนเต้นท์ ทางนำพุร้อนสันกำแพงก็มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย โดยเป็นบ้านพักที่ให้บริการเป็นหลังมีราคาอยู่ที่ 1,000 – 3,000 บาท สำหรับกิจกรรมยอดฮิตของเหล่านักท่องเที่ยวอย่างแรกก็คือการต้มไข่ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งไข่ไก่และไข่นกกระทา
วัดโลกโมฬี วัดเก่าแก่ อายุกว่า 400 ปี ใกล้คูเมืองเชียงใหม่
สำหรับบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับศิลปะล้านนา สุดวิจิตรงดงามผ่านโบราณสถานและสถาปัตยกรรมภายในวัด และวัดที่เราจะไปทุกท่านไปนมัสการเที่ยวชมความวิจิตรงดงามดังกล่าวเป็นวัดที่มีอายุกว่า 400 ปี วัดดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2070 เมื่อมาถึงปีนี้คือ ปี พ.ศ.2564 วัดดังกล่าวก็มีอายุร่วม 494 ปี (แม้ว่าจะมีบางช่วงที่วัดถูกทิ้งร้าง แต่ภายหลังก็มีการบูรณะคงไว้ซึ่งความวิจิตรตามแบบฉบับล้านนาดั้งเดิมของการออกวัดแห่งนี้) วัดที่เรากล่าวถึงก็คือ วัดโลกโมฬี วัดที่ตั้งอยู่เลยจากคูเมืองเชียงใหม่ิไปเล็กน้อย ทำความรู้จัก วัดโลกโมฬี วัดเก่าแก่ คู่เมืองเชียงใหม่ โดยวัดโลกโมฬีตั้งอยู่บนถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทุกท่านสามารถเดินทางมาด้วยรถสองแถวสีแดงสัญลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของจังหวัดเชียงใหม่ แล้วบอกจุดหมายปลายทางเป็นวัดโลกโมฬีนี้ได้เลย หรือ หากเพื่อนๆ มาด้วยรถยนต์ส่วนตัวทางวัดโลกโมฬีก็มีที่จอดรถซึ่งเป็นพื้นโรยกรวดคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย (ส่วนนี้หากท่านใดมีวีลแชร์สามารถขออนุญาติทางวัดไปจอดส่งวีลแชร์บริเวณพื้นปูนที่เรียบกว่าก่อนได้ เพราะในส่วนที่จอดรถที่โรยกรวดนี้จะเข็นยากสักหน่อย) ถัดมาเมื่อเราเข้ามาภายในวัดจะพบกับวิหารหลวงวัดโลกโมฬีซึ่งเป็นวิหารไม้สักที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดั้งเดิมมีการใช้กระจกสีต่างๆ มาประดับยังวิหารแห่งนี้ซึ่งสร้างความวิจิตรอย่างยิ่งเนื่องด้วยวิหารดังกล่าวมีพื้นเป็นสีดำการตกแต่งด้วยกระจกสีต่างๆ จึงเพิ่มความวิจิตรตระการตาให้แก่วิหารเพิ่มเข้าไปอีก ส่วนพระประธานที่ประดิษฐานประจำวิหารแห่งนี้คือพระพุทธสันติจิรบรมโลกนาถ ซึ่งในองค์พรุพุทธรูปนี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนพระเมาลี นอกจากนี้วัดโลกโมฬีแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของพุทธรูปพระนางจิระประภามหาเทวี
ไกลหน่อยแต่รับรองว่าฟินจับใจแน่นนอนกับ ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย โครงการหลวงขุนแปะ
ถ้าหากว่ายังไม่เบื่อกับธรรมชาติบนภูเขาสูงกันแล้วล่ะก็มีอีกสถานที่มานำเสนอ ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย ที่จะมาทำให้นักท่องเที่ยวตรกาลตาไม่กับพันธุ์ไม้ดอกหายาก ซึ่งเกิดจากการทดลองของ โครงการหลวงขุนแปะ เพราะก่อนหน้านี้ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและม้งได้มีทำการลักรอบปลูกฝิ่นไปจนถึงการทำไร่เลื่อนลอยส่งผลให้หน้าดินเสียหาย เมื่อในหลวงราชกาลที่ 9 ทราบข่าวจึงได้นำขบวนเสด็จมาเปลี่ยนแปลงสถานที่ให้นี้ให้ไปในทางที่ดีขึ้นในปี พ.ศ. 2526 บริเวณโดยรอบจะปกคลุมไปด้วยภูเขาตัดสลับกันไปมา ทุ่งดอกไม้ที่ถูกปลูกแบบเป็นนาขั้นบรรไดทำให้มองเห็นธรรมชาติได้แบบรอบทิศทางนับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรต้องไปลองดูสักครั้ง เส้นทางเบื้องต้น ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย โครงการหลวงขุนแปะ ก่อนอื่นที่จะเริ่มต้นทริปการทางไปที่ ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย เป้าหมายของการเดินทาง สิ่งที่ควรรู้และศึกษาไว้ก่อนเลยก็คือตำแหน่งของสถานที่ที่ตั้งอยู่ ตำบล บ้านแปะ อำเภอ จอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เวลาการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง อันดับแรกให้มุ่งสู่งเส้นทางหลวงหมายเลข 108 สายจอมทอง-ฮอด ขับต่อไปจนถึง กม.82-83 จะมีสามแยกบ้านแปะให้เลี้ยวขวา จะเป็นการเปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่ถนนหมายเลข 3033 ให้ขับตามทางไปถึงจุดปลายทางบ้านขุนแปะ ค่าบริการต่อคนอยู่ที่ 30 บาทเท่านั้น
3 อุทยานแห่งชาติน่าเที่ยว ธรรมชาติสวยงาม ปลายฝนต้นหนาว ของประเทศไทย
ความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทยเรา มีมากมาย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา เกาะ แก่ง ทะเล หรือแม้แต่ อุทยาน ก็มีให้ทุกคนได้เดินทางออกไปท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย วันนี้แอดจึงมี อุทยานแห่งชาติน่าเที่ยว ธรรมชาติสวยงาม ปลายฝนต้นหนาว ของประเทศไทย มาแนะนำ มีที่ไหนบ้างตามมาดูกันค่ะ แนะนำ อุทยานแห่งชาติน่าเที่ยว ปลายฝนต้นหนาว ของไทย อุทยานแห่งชาติน่าเที่ยว อุทยานผาแต้ม จ.อุบลราธานี ช่วงปลายฝนต้นหนาว ไม่มีที่ไหนจะท่องเที่ยวได้น่าสนุกเหมือนเที่ยวน้ำตก โดยเฉพาะน้ำตกสร้อยสวรรค์ ซึ่งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งมีดอกไม้นานาพันธุ์เปรียบเสมือนการแต้มสีสันให้สถานที่สวยงาม นับเป็นทุ่งดอกหญ้า ทุ่งดอกไม้ป่าที่เป็นธรรมชาติสวยงามที่สุดในประเทศไทย ความสวยงามตามธรรมชาตินี้จะมีให้ชมไปจนถึงหลังปีใหม่ หรือประมาณสิ้นเดือนมกราคมของทุกปี อุทยานแห่งชาติน่าเที่ยว บ้านจ่าโบ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นชุมชนเล็ก ๆ ของชาวเขาเผ่ามูเซอ
เรียนรู้และท่องเที่ยวไปกับ วิถีชีวิตของชาวไทยพวน จังหวัดนครนายก
ชาวไทยพวน คือชาวไทยที่ได้มาอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครนายก ลพบุรี สุโขทัย และสุพรรณบุรี เป็นต้น โดยเป็นชาวลาว จากเมืองเชียวขวางที่ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย จึงทำให้ในประเทศไทยมีชาวไทยพวนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และได้มีการจัดตั้งกลุ่มของชาวไทยพวนขึ้นมาเพื่อเป็นการใช้แลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ วิถีชีวิตของชาวไทยพวน และความเป็นอยู่ โดยกลุ่มมีชื่อว่าชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย จังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีชาวไทยพวนอาศัย และตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ของตำบลเกาะหวายตำบลเกาะโพธิ์ และตำบลท่าเรือ วิถีชีวิตของชาวไทยพวน นครนายก ที่น่าสนใจ วิถีชีวิตของชาวไทยพวน ที่มาอาศัยและตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดนครนายก ส่วนมากจะมีวิถีชีวิตเชิงเกษตรกร และมีการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจากภูมิปัญญาของชาวไทยพวน ด้วยความเป็นอยู่ของชาวไทยพวน จังหวัดนครนายกแห่งนี้ มีความเรียบง่าย และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้จังหวัดนครนายกมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนขึ้นมา เป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวไทยพวน จังหวัดนครนายก โฮมสเตย์บ้านสะเภาทองที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้และท่องเที่ยวไปกับชาวไทยพวน จังหวัดนครนายก นอกจากที่พักแล้วที่นี่ยังเป็นศูนย์การเฮียนฮู้วัฒนธรรมไทยพวน โดยมีคุณลุง คุณป้าคอยดูแลด้วยความอบอุ่น พร้อมกับพาชมบริเวณโดยรอบของชุมชนอย่างเป็นกันเอง